Sunday, November 24, 2013

Hobbies



     Hobbies are the most fruitful pastime harboring personal interest and enjoyment. Every person has a passion for something that he engages in leisure time. This activity of passion gets termed as hobbies. Hobbies help us to relax through the pursuit of some engagement that brings about personal fulfillment.

List of hobbies

1. Animal-related : Bird watching, Beekeeping, Dog breeding, Horses, Hunting
2. Arts and crafts : Crochet, Cross-stitch, House making, Drawing,  Jewelry making
    Knitting, Leather crafting, Painting
3. Collecting : Books, Stamps, Bottles, Cameras, Cards, Coins, Comic books, Crystals
4. Computer-related :  Animation design, Computer games, Computer programming
5. Cooking : Baking, Barbecue (Grilling), Cake making / cake decorating
6. Film-making :  Animation, Short movies
7. Games : Board games, Card games, Video games
8. Gardening : Bonsai, Grafting
9. Literature : Learning foreign languages, Reading, Penpal, Writing
10. Music : Karaoke,  Playing musical instruments, Songwriting, Listening to music, 
      Singing 11. Outdoor/nature activities : Camping, Caving, Canoeing, Fishing, gardening, Skiing
12. Performing arts : Dancing, Glowsticking, Juggling, Magic tricks
13. Sports or other physical activities : Aerobics, Skating, Archery, Badminton,
     Baseball, Basketball, Bowling, Boxing, Cheerleading, Cycling, Diving, Football, 
     Running , Gliding, Golf, Gymnastics, Horseshoes, Hunting, Ice skating, Marbles,
     Mountain Biking, Paintball, Racquetball, Rowing, Rugby, Jogging, Sailing, Surfing,
     Table tennis, Tae Kwon Do, Tennis, Volleyball , Walking, Weight lifting,
     Skateboarding, Skating, Skiing, Snowboarding, Swimming, Yoga

www. en.wikipedia.org/wiki/List_of_hobbies                

คําทักทายอาเซียนของ 10 ชาติอาเซีย

 คําทักทายอาเซียนของ 10 ชาติอาเซีย

               เมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทำให้การทำธุรกิจต่าง ๆ ระหว่างประเทศอาเซียนด้วยกันเกิดความเสรี คล่องตัวมากขึ้น ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าชาวไทยต้องศึกษาความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับภาษาของเพื่อนบ้าน เพื่อความสะดวกในการติดต่อสื่อสาร และวันนี้เรามีคำทักทายของประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ชาติอาเซียน ได้แก่ ประเทศบรูไน พม่า กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม มาฝากกัน

บรูไนและมาเลเซีย
 
               ซาลามัด ดาตัง (หมายเหตุ บรูไนและมาเลเซียใช้ภาษาเดียวกัน)  หมายถึง สวัสดี

กัมพูชา

                อรุณซัวซะเดย หมายถึง สวัสดีตอนเช้า
                ทิวาซัวซะเดย หมายถึง สวัสดีตอนเที่ยงจนถึงเย็น

อินโดนีเซีย
 
               เซลามัทปากิ หมายถึง สวัสดีตอนเช้า
                เซลามัทซิแอง หมายถึง สวัสดีตอนเที่ยง
                เซลามัทซอร์ หมายถึง สวัสดีตอนเย็น
                เซลามัทมายัม หมายถึง สวัสดีตอนค่ำ

ลาว 

               สะบายดี  หมายถึง สวัสดี

พม่า
 
               มิงกะลาบา หมายถึง สวัสดี

ฟิลิปปินส์

                กูมูสต้า หมายถึง สวัสดี

สิงคโปร์
 
               หนี ห่าว (ใช้เหมือนจีน เพราะประชากรส่วนใหญ่ในสิงคโปร์เป็นชาวจีน) หมายถึง สวัสดี

ไทย

                สวัสดี

เวียดนาม
 
               ซินจ่าว หมายถึง สวัสดี

ที่มา ais.co.th

Friday, November 22, 2013

10 วิธีถนอมสายตา "จ้องคอมพ์-แท็บเล็ต-สมาร์ทโฟน

10 วิธีถนอมสายตา "จ้องคอมพ์-แท็บเล็ต-สมาร์ทโฟน"

               ทุกวันนี้ เทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายสามารถแทรกซึมเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตประจำวันอย่างกลมกลืนและมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนสังคมในปัจจุบัน ด้วยความสามารถที่รวมการใช้งานหลายประเภทเข้ามารวมไว้ในอุปกรณ์เพียงชิ้นเดียว จึงไม่ยากที่สมาร์ทโฟนและเเท็บเล็ตจะกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตของใครหลายคนไปแล้ว ภาพที่ใครต่อใครง่วนกับหน้าจอโทรศัพท์มือถือหรือหน้าจอแท็บเล็ตดูจะเป็นภาพที่คุ้นชินในสังคมยุคใหม่ ซึ่งอาจเรียกได้ว่ายุค ‘Gen S’ หรือ ‘Generation of Screen’

               ด้วยความต้องการขนาดพกพาที่เหมาะสม หน้าจอแสดงผลจึงมีขนาดไม่ใหญ่นัก ซึ่งทำให้ฟังก์ชั่นการใช้งานบางอย่าง เช่น อ่านหนังสือออนไลน์ การพิมพ์เอกสาร หรือพิมพ์ตอบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ไม่ค่อยสะดวกนัก นอกเหนือจากหน้าจอที่มีขนาดเล็กแล้ว ระยะเวลาการใช้งานอย่างต่อเนื่องก็ดูจะสร้างปัญหาให้กับผู้ใช้งานไม่น้อย การก้มคอนานๆ  การใช้ข้อนิ้วมือจิ้มแป้นพิมพ์ รวมไปถึงการจ้องมองหน้าจอขนาดเล็กนานเป็นชั่วโมง ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ได้ เช่น อาการตาแห้ง แสบตา ปวดเมื่อยสายตา ตาพร่า ตาล้า หรือใช้สายตาได้ไม่ทน รวมไปถึงมีอาการปวดรอบกระบอกตา ปวดขมับ ปวดคอ และปวดศีรษะได้ จึงขอแนะนำวิธีการใช้สายตาอย่างเหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องดูหน้าจอเป็นเวลานาน ๆ ดังนี้


               1. ควรจะอยู่ในท่าทางที่เหมาะสมในการอ่าน และแนะนำให้เปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้ก้มคออยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานเกินไป
               2. พักสายตาเป็นระยะทุกครึ่งชั่วโมง ด้วยการทอดสายตาไปไกล ๆ มองสิ่งของที่ห่างไปไม่น้อยกว่า 20 ฟุตหรือหลับตานิ่ง ๆ ประมาณห้านาที ก่อนกลับมาใช้งานหน้าจอต่อ
               3. ไม่ฝืนอ่านตัวอักษรที่มีขนาดเล็กเกินไป ซึ่งทำให้ต้องเพ่ง ควรปรับขนาดตัวอักษรให้อ่านง่าย สบายตา
               4. หลีกเลี่ยงการใช้งานหน้าจอในขณะอยู่บนยานพาหนะที่มีการสั่นสะเทือนซึ่งจะทำให้ภาพหรือตัวอักษรสั่นไปด้วย
               5. ปรับความสว่างของหน้าจอให้สบายตา ไม่สว่างจ้าเกินไป


               6. ผู้ที่มีปัญหาสายตาผิดปกติ ควรมีแว่นสำหรับอ่านหนังสือที่เข้ากับค่าสายตาและเหมาะสมกับระยะ ในการมองหน้าจอ
               7. ควรหาตำแหน่งในห้องหรือสถานที่ที่เรากำลังใช้งานหน้าจอ ให้แสงตกกระทบเฉียง ๆ กับหน้าจอ เพื่อลดแสงสะท้อนรบกวน
               8. อย่าใช้งานหน้าจอติดต่อกันนานเกินไปในแต่ละวัน ควรสังเกตว่าการใช้งานหน้าจอนานเท่าใด ที่ทำให้รู้สึกตาล้า และมีตาพร่า
               9. กะพริบตาบ่อย ๆ เพื่อลดอาการตาแห้ง และหลีกเลี่ยงการใช้สายตานาน ๆ ในที่ที่มีอากาศแห้ง หรือลมพัดเข้าสู่ดวงตา
               10. ผู้ที่ทราบอยู่แล้วว่าตาแห้งหรือผู้ที่ใส่คอนแท็กเลนส์ควรใช้น้ำตาเทียมหยอดตา เมื่อต้องใช้งานหน้าจอ สมาร์ทโฟนหรือเเท็บเล็ตเป็นเวลานาน ๆ จะช่วยลดปัญหาตาแห้งได้

               แม้ว่าปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าการใช้งานหน้าจอสมาร์ทโฟนหรือเเท็บเล็ตทำให้เกิดโรคตาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นต้อกระจก ต้อหิน หรือจอประสาทตาเสื่อม แต่ในอนาคตหากเราติดตามและเฝ้าระวังการเกิดโรคเป็นระยะเวลานานหลาย ๆ ปี อาจพบข้อมูลว่าการใช้งานหน้าจออุปกรณ์ดิจิตอลเหล่านี้ทำให้เกิดโรคตาก็เป็นได้ ดังนั้นการใช้งานหน้าจอสมาร์ทโฟนหรือเเท็บเล็ตอย่างเหมาะสมดูจะเป็นแนว ทางที่ช่วยให้เราใช้เทคโนโลยีอย่างรู้เท่าทัน ไม่เพียงแต่เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคทางตาที่ยังไม่ทราบข้อมูลแน่ชัดในขณะนี้ แต่ยังช่วยถนอมรักษาสายตาของเราไว้ใช้ได้นาน ๆ อีกด้วย

ที่มา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Thursday, November 21, 2013

วิธีเลือกซื้อกล้วยหอม

วิธีเลือกซื้อกล้วยหอม

            วิธีเลือกซื้อกล้วยหอม : กล้วยเป็นผลไม้ที่ทานแล้วมีประโยชน์ แต่ถ้าซื้อและเก็บไม่ดีอาจจะทำให้กล้วยดำง่ายไม่น่าทานวันนี้จึงเอาใจคนชอบทานกล้วยหอม มีวิธีเลือกซื้อกล้วยหอมมาฝาก...

            เวลาเลือกซื้อกล้วยหอม คือ ให้เลือกกล้วยหอมที่มีสีเหลืองทอง และยังเขียวนิดหน่อยที่ก้าน และต้องไม่มีรอยช้ำ (แต่ปัจจุบันอาจจะหากล้วยสวย ๆ ยากมาก) ในซูเปอร์มาร์เก็ตก็แพ็คมาทีละ 4-5 ลูกในถาดโฟม เลือกก็ไม่ได้ ถึงแม้กล้วยหอมจะยังไม่สุกเต็มที่ แต่ปล่อยให้สุกที่บ้านจะเก็บได้นานขึ้น

            ถ้าซื้อกล้วยดิบ ที่ยังเขียวอยู่ให้นำมาห่อด้วยผ้าขนหนูชุบน้ำเย็น บิดให้แห้ง แล้วนำใส่ในถุงกระดาษสีน้ำตาล กล้วยจะสุกเร็วขึ้น อย่าเก็บกล้วยและแอปเปิ้ลในที่เดียวกัน เพราะก๊าซเอทเทอรีนในแอปเปิ้ลจะทำให้กล้วยดำเร็วขึ้น เพียงเท่านี้ก็จะทำให้มีกล้วยหอมที่น่าทานแล้ว

ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

Wednesday, November 20, 2013

ยิ่งเรียนสูง ยิ่งเข้าถึงผักผลไม้

ยิ่งเรียนสูง ยิ่งเข้าถึงผักผลไม้

                  คุณรู้ไหมว่าระดับการศึกษาส่งผลต่อการกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของเราเอง ยิ่งถ้ามีการศึกษาที่ดีกว่าคนอื่น ๆ ก็จะยิ่งเข้าถึงและเปิดรับอาหารที่มีประโยชน์มากขึ้น ที่เห็นชัดเป็นรูปธรรมที่สุด คือ คนที่มีการศึกษาสูงจะเลือกกินแครอทและแอปเปิลมากกว่าคนทั่วไป สิ่งที่กล่าวมานี้ไม่ได้กล่าวขึ้นลอย ๆ แต่อย่างใดครับ แต่เป็นการศึกษาวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารด้านสารอาหาร Nutrition Journal จากมหาวิทยาลัยคอนคอร์เดีย (Concordia) ซึ่งเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากบุคคลทั่วไป ที่มีอายุตั้งแต่ 18-69 ปี และเป็นกลุ่มตัวอย่างที่มีมากถึง 94,000 คน

                 ผลที่ได้คือกลุ่มตัวอย่างที่มีการศึกษาในระดับที่น้อยกว่า และมีรายได้ที่น้อยกว่ากินผักผลไม้ (ต่อวัน) น้อยกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่มีรายได้และการศึกษาสูงกว่า ในเวลาเดียวกัน คนที่มีระดับการศึกษามากกว่าจะเลือกกินแครอทและแอปเปิลมากที่สุดและบ่อยครั้งที่สุด ผู้หญิงจะกินผักและผลไม้มากกว่าผู้ชาย ในเวลาเดียวกันก็พบว่าคนโสด คนที่สูบบุหรี่ และผู้ใหญ่วัย 40 ปี ที่ไม่มีลูกหรือเด็ก ๆ อยู่ที่บ้านจะมีคุณภาพในการกินที่แย่ลง เหล่านี้คือปัจจัยเสริมที่น่าสนใจ การวิจัยนี้ทำให้หลายคนหันกลับมาสนใจคำพูดที่ว่า ‘กินแอปเปิลวันละผล ทำให้สุขภาพดีได้’ ในมุมที่จริงจังและหนักแน่นขึ้นกว่าเดิม

ที่มา http://men.th.msn.com/health/ยิ่งเรียนสูง-ยิ่งเข้าถึงผักผลไม้

สตรอเบอรี่ - เรื่องน่ารู้

สตรอเบอรี่

                 สตรอเบอรี่เป็นผลไม้เมืองหนาว อยู่ในวงศ์กุหลาบ ผลรับประทานได้ อดีตนำมาปลูกเป็นพืชคลุมดินให้กับต้นไม้ปลูกเลี้ยงอื่น มีมากกว่า 20 สปีชีส์ และมีลูกผสมมากมาย แต่ที่นิยมในปัจจุบันคือสตรอเบอรี่สวน มีปลูกกันเป็นวงกว้างหลายสภาพอากาศทั่วโลก เป็นผลไม้ที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย 

                 สตรอเบอรี่ มีวิตามินซี ฟลาโวนอยด์ กรดฟีโนลิก และกรดเอลลาจิก และโพแทสเซียมช่วยปรับความดันในตา มีไอโอดีนที่ทำให้สมองและระบบประสาททำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีโพแทสเซียมและแมกนีเซียมช่วยปรับความดันให้เป็นปกติ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย เสริมสร้างกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรง.

ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

Sunday, November 17, 2013

แก้ท้องผูกด้วยเมล็ดแมงลัก

แก้ท้องผูกด้วยเมล็ดแมงลัก

              ใบสดรสหอมร้อน แก้หวัด ขับลม “เมล็ดแช่น้ำดื่ม” เพิ่มกากอาหาร ขับถ่ายสะดวก ช่วยระบบย่อยดีขึ้น

              “แมงลัก” เป็นพืชล้มลุก อายุเฉลี่ย 1-2 ปี ลักษณะใบเล็กกลิ่นฉุน มีขนอ่อนสีขาวบริเวณก้านใบ และยอด ขึ้นได้ดีในที่ดอน ดินร่วนซุย สามารถปลูกได้โดยใช้กิ่งชำ หรือใช้เมล็ดเพาะเป็นต้นกล้า จากนั้น เมื่องอกได้ 1 เดือน จึงย้ายปลูกลงแปลงที่เตรียมดินไว้ และควรให้น้ำสม่ำเสมอวันละ 1 ครั้ง 

              ส่วนใบใช้ประกอบอาหารเช่นเดียวกับกะเพรา-โหระพา นิยมใส่แกงเผ็ด ผัดเผ็ด ต้มยำ ลาบ และทานกับขนมจีน ให้รสหอมร้อน แก้หวัด และขับลม ส่วน “เมล็ดแมงลัก” นอกจากจะใช้ทำเมนูขนมหลายอย่างแล้ว ในทางสมุนไพรยังสามารถช่วยบรรเทา “อาการท้องผูก” ได้ด้วย 

              โดยนำ “เมล็ดแมงลัก” 1 ช้อนชา แช่น้ำสะอาด 1 แก้ว (ประมาณ 250 ซีซี) ทิ้งไว้จนพองเต็มที่ แล้วดื่มก่อนนอน ทั้งนี้ อาจใส่น้ำตาลทรายเล็กน้อยเพื่อดื่มง่ายขึ้น สำหรับ “เมล็ดแช่น้ำดื่ม” จะช่วยเพิ่มกากอาหาร หล่อลื่นให้อุจจาระอ่อนตัว ทำให้ขับถ่ายสะดวก และระบบย่อยดีขึ้น
  
              อย่างไรก็ตาม การทานผัก ผลไม้ และธัญพืชที่มีกากใย หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ และให้เวลากับการขับถ่าย อย่ารีบเร่ง จะช่วยพิชิตอาการ “ท้องผูก” ได้ถาวร ถือเป็นยาระบายชั้นดีที่สุดแล้ว

ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์